โรคมะเร็งตับอ่อน วิธีรักษาและลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน
โรค มะเร็งตับอ่อน
โรคนี้เกิดจากกการที่เกิดเนื้อมะเร็งที่ตับอ่อน ซึ่งอยู่ด้านหลังของช่องท้อง ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อมะเร็งที่หาเจอได้ยากที่สุดชนิดหนึ่ง พบมากในบรรดาผู้ชายที่มีอายุประมาณ 50-70 ปี ที่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เมื่อตับอ่อนทำงานหนักก็จะเกิดการหลั่งน้ำย่อย และฮอร์โมนออกมา ซึ่งโอกาสเกิดมะเร็งในตับอ่อนได้มากขึ้น ก็เป็นเนื่องจากการไหลออกมามากของน้ำย่อยจนทำให้เกิดมะเร็งขึ้นที่บริเวณ Pancreatic Duct อาการปวดท้อง หรือแน่นท้อง หรืออาการปวดหลังนั้นเป็นเพราะเนื้อมะเร็งเริ่มเจริญเติบโตขึ้นทำให้น้ำย่อย อุดตัน สะสมอยู่ในตับอ่อนเป็นผลทำให้ตับอ่อนบวมขึ้น
ตับอ่อน (pancreas) เป็นอวัยวะที่ยาวประมาณ 6 นิ้ว วางทอดขวางหน้ากระดูกสันหลัง และอยู่หลังกระเพาะอาหาร รูปร่างของมันคล้ายปลาดุก ส่วนหัวอยู่ทางด้านขวาของเจ้าของ ทอดอยู่ในอ้อมกอดของลำไส้เล็กส่วนต้นที่เรียกว่า ดูโอดีนัม (duodenum) ส่วนหางอยู่ทางซ้ายจ่อติดกับม้าม (spleen) ตรงกลางมีหลอดเลือดใหญ่ทอดผ่านหลายหลอด (ทำให้การผ่าตัดยาก) ตับอ่อนทำหน้าที่สร้างน้ำย่อยอาหาร และสร้างฮอร์โมนอินซูลินและกลูคากอนซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถใช้น้ำตาลใน ร่างกายได้เป็นปกติ มะเร็งตับอ่อนส่วนมาก (90%) เกิดจากเซลล์ที่หลั่งน้ำย่อย
เนื่องจาก ตับอ่อนถูกห้อมล้อมไปด้วยอวัยวะอื่นๆ เช่นกระเพาะอาหาร เป็นต้น แพทย์ตรวจร่างกายทั่วไปก็สามารถเห็นถึงความผิดปกตินี้ได้ยาก และอาการสุดท้าย การปัสสาวะที่มีสีเข้มเหมือนสีช็อกโกแล็ต และใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สาเหตุเป็นเพราะ เนื้อมะเร็งได้เจริญเติบโตขึ้นจนไปปิดกั้นทางเดินน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน ทำให้น้ำดีไหลย้อนกลับไปนอกท่อ แล้วหลั่งไปทั่วร่างกาย
โรคมะเร็งตับอ่อนนี้เป็นโรคที่พัฒนาไปอย่างช้าๆ ดังนั้นกว่าจะพบว่าเป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่ก็สายไปเสียแล้ว
ถ้า สงสัยว่าจะเป็นมะเร็งตับอ่อนหรือไม่ แพทย์มีวิธีการตรวจหาหรือยืนยันได้หลายวิธี รวมทั้งวิธีต่างๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ แต่อาจจะไม่จำเป็นต้องทำหมดทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์
• การซักประวัติตรวจร่างกาย เป็นสิ่งชี้นำในการตรวจขั้นตอนต่อไป ถ้าเป็นมะเร็งในระยะเริ่มแรกมักจะตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ หรือคลำได้ก้อน
• ฉายภาพรังสีปอด เพื่อดูว่ามีมะเร็งแพร่กระจายมายังปอดแล้วหรือยัง ถ้าแพร่มาแล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี
• ซีทีสแกน (CT scan) เป็นเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่ถ่ายกวาดให้เห็นภาพตัดตามขวางของส่วน ต่างๆ ในร่างกาย ถ้ามีมะเร็งตับอ่อนส่วนมากจะเห็นได้จากซีทีสแกนนี้
• เอ็มอาร์ไอ (MRI) เป็นการถ่ายภาพคอมพิวเตอร์อีกชนิดหนึ่งที่ไม่อาศัยรังสีเอกซ์แต่อาศัยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เห็นภาพถ่ายกวาดของอวัยวะภายใน สามารถตรวจพบมะเร็งตับอ่อนได้ ในบางกรณีจะช่วยเสริมข้อมูลบางอย่างที่ ซีที มองไม่เห็น
• เพ็ตสแกน (PET scan)(positron emission tomography scan) เป็นเครื่องที่ใช้ตรวจหาเซลล์มะเร็ง โดยอาศัยหลักการที่มะเร็งจับเอาสารกลูโคสที่ติดฉลากด้วยกัมมันตภาพรังสี ทำให้เครื่องตรวจกวาดเห็นได้ ในบางกรณีต้องใช้เครื่องนี้ช่วย โดยเฉพาะในรายที่ต้องการรู้ว่ามะเร็งแพร่กระจายไปแล้วหรือยัง
• การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน แล้วตรวจด้วยอัลตราซาวน์บริเวณตับอ่อน (endoscopic ultrasound = EUS) ทำให้สามารถเห็นภาพมะเร็งตับอ่อนและต่อมน้ำเหลืองรอบตับอ่อนว่ามีมะเร็งแพร่ กระจายไปถึงหรือยัง
• การส่องกล้องตรวจภายในช่องท้อง (laparoscopy) เป็นการตรวจหามะเร็งและตัดชิ้นเนื้อตรวจ และเพื่อดูว่ามะเร็งที่ตรวจพบโดยวิธีอื่นแล้วนั้นมันแพร่กระจายไปในช่องท้อง แล้วหรือไม่ ถ้าแพร่กระจายแล้วแสดงว่าการผ่าตัดซึ่งเป็นวิธีรักษาให้หายขาดใช้ไม่ได้แล้ว ขืนทำไปคนไข้จะได้รับความเสี่ยงโดยได้ประโยชน์ไม่คุ้มเสีย
• การส่องกล้องตรวจและฉีดสีเอกซเรย์ท่อน้ำดีและท่อตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography หรือย่อว่า ERCP) วิธีนี้ทำให้สามารถบอกได้ว่ามีมะเร็งที่หัวตับอ่อนหรือตัวตับอ่อนหรือไม่ สามารถตัดชิ้นเนื้อเอาไปตรวจยืนยันมะเร็งทางพยาธิสภาพ และถ้ามีการอุดตันของท่อน้ำดีจากมะเร็ง คนส่องกล้องก็สามารถสอดใส่หลอดตะแกรงโลหะ(stent) เพื่อค้ำจุนเปิดท่อไม่ให้ตีบตัน เป็นการรักษาแบบทุเลาอาการดีซ่านในกรณีคนที่ไม่สามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาด ได้แล้ว
• การตรวจโดยการแทงเข็มผ่านผิวหนังเข้าตับเพื่อฉีดสารทึบรังสี แล้วเอกซเรย์ดูภาพท่อน้ำดี (percutaneous transhepatic cholangiography หรือย่อว่า PTC) ถ้าตรวจพบว่ามีการอุดตันของท่อน้ำดีก็จะช่วยการวินิจฉัยและสามารถใส่ stent บรรเทาการอุดตันซึ่งทำให้เกิดอาการดีซ่านด้วย ในบางกรณีถ้าใส่ stent ไม่ได้เขาก็ใส่ท่อระบายน้ำดีออกสู่ภายนอก การตรวจอย่างนี้จะทำก็ต่อเมื่อการทำ ERCP ทำไม่ได้แล้ว
• การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิสภาพ เป็นสิ่งจำเป็นในการวินิจฉัยโรคที่แน่นอนว่าก้อนเนื้องอกในตับอ่อนเป็น มะเร็ง(เนื้อร้าย) หรือเนื้องอกชนิดไม่ร้าย การตัดชิ้นเนื้ออาจจะทำได้หลายวิธี เช่น การแทงเข็มเล็กๆ ผ่านช่องท้องภายใต้การนำวิถีโดยอัลตราซาวน์หรือเอกซเรย์ การตัดชิ้นเนื้อโดยการส่องกล้องในทางเดินอาหารส่วนต้นร่วมกับการทำอัลตรา ซาวน์ หรือโดยการส่องภายในช่องท้องแล้วตัดชิ้นเนื้อ
กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อน
มักเกิดกับคนที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และสามารถเกิดได้กับคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแรง ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากโรคชนิดนี้เกิดจากการสะสมของสารพิษ และมลภาวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ทำให้ตับอ่อนอักเสบ
อาการที่พึงระวัง
คนที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ แต่ไม่รุนแรง และอยู่ ๆ อาการปวดท้องก็หายไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรืออยู่ ๆ ก็มีอาการปวดหลังกะทันหัน คนที่มีอาการดังกล่าวควรพึงระวัง เพราะนั่นเป็นอาการที่บ่งบอกเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับอ่อน
ลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน
ตับอ่อนเป็นอวัยวะอยู่หลังกระเพาะมีหน้าที่สร้างน้ำย่อย น้ำดี ตับอ่อนมีท่อต่อกับท่อรวมน้ำดีซึ่งไปเปิดที่ปลายกระเพาะอาหารต่อกับ ลำไส้เล็กส่วนต้น มีหน้าที่สร้างน้ำย่อยเพื่อใช้ในการย่อยและดูดซึมโปรตีนกับไขมัน
มะเร็งตับอ่อนเกิดจากมีเนื้อมะเร็งขึ้นที่ตับอ่อน ซึ่งอยู่ด้านหลังของช่องท้องเป็นเนื้อมะเร็งที่ตรวจค้นหาได้ยากที่สุดชนิด หนึ่ง ไม่ทราบสาเหตุ ที่แน่ชัด แต่เกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มจัดเป็นระยะเวลานาน มักพบในผู้ชายช่วงอายุ 50-70 ปี ที่ชอบรับประทานอาหารไขมันสูง
ลักษณะอาการของมะเร็งตับอ่อนเกิดขึ้นเมื่อตับอ่อนทำงานหนัก มีอาการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมา ขณะที่น้ำย่อยไหลออกมามาก มะเร็งจะก่อตัวขึ้นที่บริเวณท่อตับอ่อน หรือ Pancreatic duct มีอาการปวดท้องหรือแน่นท้องและปวดจากเซลล์มะเร็งที่โตขึ้น การไหลของน้ำย่อยถูกอุดกั้นไว้ในตับอ่อนทำให้ตับอ่อนบวม แต่อาการเจ็บปวดที่ไม่ได้รุนแรง ผู้ป่วยจึงไม่รู้ตัว และอาจตรวจไม่พบเซลล์มะเร็งในตับอ่อนเพราะตับอ่อนถูกห้อมล้อมไปด้วยอวัยวะ อื่นๆ เช่น กระเพาะอาหารเป็นต้น ดังนั้น การตรวจร่างกายทั่วไปจึงไม่เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนเมื่อมีอาการถ่ายปัสสาวะเหมือนช็อกโกแลตและหน้ามีสีเหลือง เนื่องจากเซลล์มะเร็งเจริญเติบโต จนไปปิดกั้นทางเดินน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน ทำให้น้ำดีไหลย้อนกลับออกไปนอกท่อและเข้าสู่กระแสเลือดไปทั่วร่างกายอย่าง รวดเร็ว มะเร็งตับอ่อนถือว่าเป็นโรคที่พัฒนาไปอย่างช้า ๆ กว่าจะพบว่าเป็นโรคก็สายไปเสียแล้ว อาการของคนที่เป็นโรคมะเร็งตับอ่อน เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่างกายซูบผอม เบื่ออาหาร ปวดท้องบ่อยๆ กินยาก็ไม่หาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาการของมะเร็งตับอ่อน แต่อาจเป็นโรคอื่น เช่น กระเพาะอาหารมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งหมอจะเป็นผู้วิเคราะห์โรคเอง แม้ว่ามะเร็งตับอ่อนจะเป็นโรคร้ายแรงและอันตราย แต่ถ้าเรารู้ตัวก่อนก็จะสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างทันท่วงที
***มะเร็งก่อตัวที่บริเวณท่อ Pancreatic duct ซึ่งเกิดจากการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมามาก ๆ เพื่อย่อยไขมัน***
***มะเร็งเจริญขึ้นจนไปอุดตันการไหลของน้ำย่อย ตับอ่อนจะบวมขึ้น ทำให้มีอาการปวดท้องและปวดหลัง***
***ถุงน้ำดีโตเพราะเซลล์มะเร็งไปปิดกั้นทางเดินของน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน***
วิธีการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อน
หากตรวจพบ หมอจะประเมินว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถตัดออกได้หรือไม่ ซึ่งการผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แม้มะเร็งตับอ่อนจะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งเต้านม แต่ก็เป็นมะเร็งที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก หากวินิจฉัยช้า โอกาสในการผ่าตัดรักษาก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
รู้ไว้ ไกลโรค
ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับอ่อนหรือมะเร็งชนิดใด ๆ ก็ตาม ล้วนเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการป้องกัน โดยไม่นำสารพิษ เช่น เหล้า บุหรี่ เข้าสู่ร่างกาย หลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง รับประทานผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยวิตามินให้ครบส่วนและเมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคจะต้อง ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และคนในครอบครัวควรให้การดูแลและเป็นกำลังใจสำคัญ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับโรคร้ายต่อไปได้
แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : ผศ.นพ.ธัญเดช นิมมานวุฒิพงษ์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรม เทคโนโลยีชั้นสูง (ASIT) โรงพยาบาลพญาไท 3
No comments yet... Be the first to leave a reply!